บทความเกี่ยวกับสาระความรู้เกี่ยวกับสินเชื่อรถบรรทุก
เรื่องน่ารู้ขับรถทางไกล เตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

เมื่อขับรถทางไกล มีหลายสิ่งที่ผู้ขับควรรู้อยู่มากมาย เพราะการขับรถทางไกลนั้นต้องใส่ใจสุขภาพของผู้ขับและตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทาง วันนี้ทางไพศาลจะมาบอกวิธีเตรียมตัวและเรื่องน่ารู้ระหว่างขับรถทางไกลมาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ
ตรวจสอบสภาพรถยนต์และตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง
อันดับแรกเลยก่อนจะเดินทางไกล เราควรเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟ ระบบเบรก เครื่องยนต์และอื่นๆ เพื่อที่ระหว่างเดินทางจะได้ราบรื่น และควรตรวจสอบเส้นทางและสภาพจราจรของจุดหมายที่จะไปให้เรียบร้อย จะได้หาเส้นทางที่ใกล้และประหยัดเวลาในการเดินทาง
พักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ
นอกจากจะเตรียมความพร้อมของเครื่องยนต์แล้ว สุขภาพของผู้ขับก็สำคัญไม่แพ้กัน ก่อนออกเดินทางผู้ขับควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและงดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนออกเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงจากการมึนเมาและหลับในระหว่างขับขี่
จอดพักรถบ้าง
เมื่อขับรถทางไกลต่อเนื่องประมาณ 3-4 ชั่วโมง เราควรหาจุดจอดพักรถเพื่อให้เครื่องยนต์ได้พักระบายความร้อนบ้าง อีกทั้งผู้ขับจะได้ฟื้นฟูความเหนื่อยล้าสะสมจากการขับเป็นระยะเวลานาน ควรพักอย่างน้อย 30 นาที – 1 ชั่วโมง
จอดพักดับรถเลยได้ไหม?
ถือเป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยกันว่า เมื่อขับรถทางไกลพอถึงจุดจอดดับเครื่องเลยได้ไหม ซึ่งจะแยกออกได้เป็น 2 กรณีตามประเภทเครื่องยนต์ คือ
1.รถเครื่องยนต์เบนซิน
เมื่อถึงจุดจอดพักรถสามารถดับเครื่องได้ทันที เพราะระบบเผาไหม้ของเครื่องยนต์เบนซินเป็นระบบการฉีดน้ำมันเข้าห้องเครื่องโดยตรง อีกทั้งระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์เบนซินนั้นระบายความร้อนได้ดีอยู่แล้ว
2.รถเครื่องยนต์ดีเซล
ไม่ควรดับเครื่องทันที เพราะเครื่องยนต์ดีเซลมีเทอร์โบเป็นส่วนประกอบ เทอร์โบจะทำหน้าที่อัดอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้เพื่อเพิ่มกำลังและแรงบิดให้มากขึ้น ซึ่งเทอร์โบจะสะสมความร้อนมากขึ้น ควรวอร์มเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5-10 นาที ให้เทอร์โบได้ระบายความร้อนออกมาเสียก่อน เพราะถ้าดับเครื่องทันที ระบบระบายความร้อนจะหยุดทำงานและเกิดความร้อนสะสมภายในเครื่องยนต์ อาจทำให้ภายในเสียหายหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ระหว่างจอดพักรถต้องเปิดฝากระโปรงรถไหม?
ไม่จำเป็นเพราะโดยทั่วไป ขณะที่รถยนต์กำลังวิ่งระบบระบาความร้อนภายในรถนั้นทำงานอยู่แล้วจึงไม่ได้ทำให้อุณภูมิในห้องเครื่องสูงมากนัก แต่ถ้าผู้ขับอยากเปิดเพื่อความสบายใจก็สามารถทำได้เช่นกัน
ต้องขับความเร็วเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม
หากเน้นการประหยัดน้ำมัน ควรขับด้วยความเร็วระหว่าง 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือใช้ความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามแค่ผู้ขับขี่ขับด้วยความเร็วคงที่ ไม่ขับสลับกับเร่งเครื่องยนต์ไปมา ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้นพร้อมกับช่วยถนอมเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย
บทความที่คุณอาจสนใจ

4 สาเหตุหลักที่ทำให้ยื่นไฟแนนซ์ไม่ผ่าน

เมาแล้วขับเคลมประกันได้ไหม?

เคลมสด เคลมแห้ง ต่างกันอย่างไร?

ใบขับขี่หมดอายุเคลมประกันได้ไหม?

กฎหมายจราจร 2567 ค่าปรับเท่าไหร่บ้าง ?

5 ข้อควรระวัง เวลาขับรถตอนฝนตกหนัก

ทำไม? ต้องติดแถบสะท้อนแสงรถบรรทุก

กล้องติดรถยนต์มีประโยชน์อย่างไร?

ฮีทสโตรก อันตรายกว่าที่คิด!

จอดรถกลางแดดส่งผลเสียกว่าที่คิด

เช็กใบสั่งจราจรได้ง่ายๆผ่านช่องทางออนไลน์

5ข้อดีของการทำประกันรถยนต์

รวมรายการลดหย่อนภาษี 2567

เติมน้ำมันผิด แก้ไขอย่างไร?

เช็คระยะรถตามกำหนดดีอย่างไร?

สิ่งที่ไม่ควรทำขณะเติมน้ำมันที่หลายคนมองข้าม

ซื้อประกันแบบไหนได้ลดหย่อนภาษีเท่าไหร่?

ผู้กู้ร่วมกับคนค้ำประกันต่างกันอย่างไร?

แอร์รถเหม็นอับ เกิดจากอะไรและแก้ไขอย่างไร?

วิธียื่นภาษีออนไลน์ 2567

รวมศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์

ประกันรถยนต์แต่ละชั้นมีความคุ้มอย่างไรบ้าง?

How to ไม่อยากโดนยึดรถ ไม่อยากติดแบล็กลิสต์ ทำไงดี?

รถบรรทุกแบบไหนตอบโจทย์ธุรกิจคุณ

พ.ร.บ.คืออะไร?

รถยนต์ EV มีข้อดีอย่างไร?

เรื่องน่ารู้ขับรถทางไกล เตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

ประกันภัยรถยนต์มีประโยชน์อย่างไร

6วิธีดูแลรถบรรทุกเพื่อยืดอายุการใช้งาน

GPSคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

ก่อนมีรถ1คัน มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

ขับรถความเร็วเท่าไหร่ไม่โดนใบสั่ง

อยากเริ่มขับรถบรรทุกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

ประกันชีวิตแบบไหนเหมาะกับคุณ?

รถบรรทุกห้ามวิ่งเวลาไหนบ้าง?

5 วิธีดูแลยางรถเพื่อยืดอายุการใช้งาน

รู้หรือไม่? ภาษีรถยนต์คืออะไร?

สินเชื่อรถบรรทุกคืออะไร?

อาชีพไหนขอสินเชื่อรถบรรทุกได้บ้าง?

รู้หรือไม่รถบรรทุกมีกี่ประเภท?

รวม 4 จุดบอดรถบรรทุก สุดอันตราย!!

เปิดรหัสลับสัญญาณไฟรถบรรทุกที่ควรรู้!

ไขข้อสงสัยทำไมรถบรรทุกต้องติด GPS Tracking

เรื่องที่ต้องรู้ก่อนขับรถบรรทุก
